Skip to content

ปืนยาวสะสม

  • by
          ผมเริ่มสะสมปืนและอาวุธมาตั้งแต่เมื่อ สี่สิบปีก่อนเริ่มที่เห็นปืนคาบศิลาแบบนี้ทิ้งอยู่ในเล้าไก่ที่จังหวัดเลยก่อน ครั้งแรกที่เห็นก็หลงรักทันที จากรูปทรงที่สง่างามมีสัดส่วนที่ลงตัว และความเป็นปืนที่ทรงอำนาจ ของมัน จึงเข้าไปแอบลูบคลำดูเล็งและสำรวจหารายละเอียด แบบแอบๆ เพราะถ้าทำทีท่าสนใจอยากได้เมื่อไร โดนขึ้นราคาทันที ทะเบียน ลช. สอบถามดูจึงทราบว่า ทะเบียน ลช. คือ เลยในสมัย ร.๕ อยู่ในอาณาจักรล้านช้าง เมื่อสี่สิบปีที่แล้ว ราคาซื้อเข้า ประมาณสองร้อยบาทขึ้นไป หรือ หาวิทยุทรานซิสเตอร์ไปแลกก็ได้แล้ว กระบอกแรกที่ได้นี้ไม่สวยนักชิ้นส่วนชุดลั่นไกหายไปหลายชิ้น หมดเหล้าแม่โขงไปแบนนึง ไก่ต้มตัวนึง มึนๆได้ที่ก็เอ๋ยปากขอซื้อ เจ้าของแบกเอาขึ้นรถให้เลยไม่เอาตังแต่ขอสิงห์ มาวางกลางวงอีกสามขวด
พอได้มาครอบครองกระบอกแรกก็รู้ทันทีว่า มันเป็นสิ่งมีคุณค่า และ เมื่อมันมีคุณค่ามันต้องมีราคาตามมาแน่นอน ผมจึงไล่กวาดแบบข้ามจังหวัดข้ามประเทศไปฝั่งลาว กวาดแบบซื้อให้หมดเพราะถ้ามันยังเหลือ ถามหาแล้วยังมี ราคามันจะไม่ขึ้นคนจะไม่มองว่ามันมีคุณค่า คำว่ากวาดจนหมดนี่คือต้องลุยถามไปเรื่อยค่ำไหนนอนนั่น สมัยก่อนทางก็ไม่ได้สะดวกสบายแบบนี้ ต้องไปมอร์เตอร์ไซค์วิบาก DT 100 ก็ได้มาประมาณร้อยกระบอก รวมแล้วมาเฉลี่ยราคาซื้อเข้า คิดเป็นต้นทุนเล่นๆ ประมาณกระบอกล่ะห้าร้อยบาท ที่สมบูรณ์ที่สุดคือกระบอกนี้ โทเวอร์ตรามงกุฏ ปี 1837 จากอังกฤษ เห็นปืนคาบศิลามาเยอะ ทั้งสมบูรณ์ทั้งเศษซาก แท้ๆต้องตัวหนังสือว่า tower เรียงเป็นครึ่งวงกลม ตรงๆไม่โย้แย้ ตรามงกุฎ อาจจะมีสนิมไม่คมชัดตามกาลเวลา
สองร้อยปี แต่ต้องมีเป็นร่องรอยให้เห็นถ้าไม่ได้อย่างนี้ ไม่ซื้อเข้าครับ ตราอื่นๆ อีกสองสามตรา หรือ ไม่มีตรา ไม่เล่น ซึ่งโชคดีที่ตัดสินใจอย่างนั้น เพราะเมื่อสี่สิบปีก่อน ไม่มีความรู้อะไรให้แชร์ในเรื่องปืน หรือ อาวุธโบราณเลย มาถึงปัจจุบัน ปืนที่สะสมกัน ก็มี tower ตรามงกุฎ นี่แหละที่เป็นปืนสะสมที่โดดเด่นที่สุด

        ส่วนเรื่องสนนราคาก็ บรรทุกใส่ท้ายรถเข้ากรุงเทพมา พอดียางแตกแถวๆรังสิต เลี้ยวเข้าไปเปลี่ยนยาง เจ้าของร้านถูกใจขอซื้อ ผมบอกว่าไม่ขาย แต่ถ้าแลกแม๊กสี่วง ยางใหม่สี่เส้น ได้ไหม เค้ารีบเอาเลย  นี่คือราคาเมื่อสี่สิบปีก่อน   ที่หายากเพราะว่าผมมาอ่านเจอบันทึกประวัติศาสตร์ข้างพม่า ว่าเมื่อพม่าชนะสงครามในคราวเสียกรุงครั้งที่สอง พม่ายึดปืนคาบศิลากลับประเทศไปแสนกว่ากระบอก หมดประเทศ เหลือแต่เพียงพวกมีปืนที่ไกลๆปืนเที่ยงออกไปเท่านั้นที่พม่าไม่มีปัญญาไปยึดน่าเสียดายคือ ที่คัดๆสวยๆไว้ ขายบ้างแจกบ้างประมาณยี่สิบกระบอก ที่เหลือ อีกแปดสิบเก็บไว้ที่บ้านสวน ไม่กล้าขนย้ายเข้ากรุงเทพฯเพราะเกือบทั้งหมดไม่มีทะเบียน หรือ ตอกตราทะเบียนปืนไว้แต่ไม่มีเอกสาร ถึงคราวซวย เจอเผานาไฟลามมาไหม้บ้าน และ ปืน เจ็ดสิบกระบอกกลายเป็นเถ้าถ่าน ส่วนตัวเหลืองามๆอยู่แค่สองกระบอก ปืนงามๆแบบนี้มีที่พิพิทธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ยี่สิบเจ็ดกระบอก มีที่ชั้นล่างพระที่นั่งจักกรีมหาปราสาทในวัดพระแก้วอีกประมาณห้าสิบ ตัวปืนก็ตกแต่งไปตามจินตนาการของเจ้าของ แต่ชุดลั่นไกจะเหมือนกันหมด tower ตรา มงกุฎ ครับ

Leave a Reply